
ในการเริ่มต้นทำธุรกิจ การจดทะเบียนพาณิชย์อย่างถูกต้องตามกฎหมายถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรให้ความใส่ใจ ไม่ว่าจะทำธุรกิจส่วนตัวหรือธุรกิจออนไลน์ก็ตาม เพราะหากไม่จดทะเบียนหรือหลีกเลี่ยงไม่จด อาจมีบทลงโทษทางกฎหมายตามมาในภายหลัง ดังนั้น เมื่อต้องการสร้างและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนก็จำเป็นต้องศึกษา “การจดทะเบียนพาณิชย์” ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
การจดทะเบียนพาณิชย์ ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมอบประโยชน์มากมายให้กับผู้ประกอบการที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ทั้งในแง่ของความน่าเชื่อถือ โอกาสทางธุรกิจ และการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งสามารถแบ่งประโยชน์หลัก ๆ ออกเป็น 3 ด้านดังนี้
ทะเบียนพาณิชย์คืออะไร
การจดทะเบียนพาณิชย์ คือ การจดแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เพื่อแสดงตัวตนของธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยใบทะเบียนพาณิชย์เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกิจการ และเป็นหลักฐานทางการค้าที่สำคัญที่ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลต้องมีไว้ ทั้งนี้การจดทะเบียนพาณิชย์ไม่ใช่การเสียภาษี แต่เป็นเพียงการแจ้งให้รัฐทราบว่ากำลังดำเนินธุรกิจอยู่ใครบ้างต้องจดทะเบียนพาณิชย์
อันดับแรกก่อนทำการจดทะเบียนการค้า ต้องตรวจสอบว่าธุรกิจดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ของผู้ที่มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้แบ่งออกไว้เป็น 5 ประเภท ดังนี้- บุคคลธรรมดาคนเดียวหรือกิจการที่มีเจ้าของคนเดียว
- ห้างหุ้นส่วนสามัญ
- ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
- บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด
- นิติบุคคลต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาภายในประเทศไทย
- การค้าเร่หรือการค้าแผงลอย
- พาณิชยกิจเพื่อการบำรุงศาสนาหรือเพื่อการกุศล
- พาณิชยกิจของกระทรวง ทบวง กรม
- มูลนิธิ สมาคม หรือสหกรณ์
- พาณิชยกิจของกลุ่มเกษตรกร (จดทะเบียนตาม ปว.141 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2515)
- พาณิชยกิจของนิติบุคคล ซึ่งได้มีพระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น
วิธีการจดทะเบียนพาณิชย์
ในการจดทะเบียนพาณิชย์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ1. ธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร
สามารถจดทะเบียนการค้าได้ทั้งหมด 3 แห่ง คือ สำนักงานเขตที่ธุรกิจตั้งอยู่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักการคลัง2. ธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่อยู่ต่างจังหวัด
สามารถจดทะเบียนพาณิชย์ได้ที่เทศบาล หรือองค์การบริการส่วนตำบลที่ธุรกิจตั้งอยู่ โดยผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ หรือนิติบุคคลจำเป็นต้องเตรียมเอกสารสำคัญ ดังนี้- แบบคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.)
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ประกอบพาณิชยกิจ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- สำเนาสัญญาเช่า (กรณีเช่าสถานที่)
- แผนที่ตั้งสถานประกอบการ
- สำเนาเอกสารแสดงการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
- หนังสือแต่งตั้งผู้รับผิดชอบดำเนินกิจการในประเทศ
- ใบอนุญาตทำงานของผู้รับผิดชอบดำเนินกิจการในประเทศ (กรณีเป็นบุคคลต่างด้าว)
- ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือหนังสือรับรองการใช้สิทธิตามสนธิสัญญา (ถ้ามี)
จดทะเบียนพาณิชย์และจดทะเบียนบริษัท ต่างกันอย่างไร
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจอาจสับสนว่า จดทะเบียนพาณิชย์และจดทะเบียนบริษัทต่างกันอย่างไร โดยทั้งสองรูปแบบมีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการที่ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจ-
สถานะทางกฎหมาย
-
ความรับผิดชอบต่อหนี้สินและภาระผูกพัน
-
ภาษี
-
ความน่าเชื่อถือและโอกาสทางธุรกิจ
ข้อดีของการจดทะเบียนพาณิชย์

1. ด้านธุรกิจ
การมีใบทะเบียนพาณิชย์ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจในสายตาของลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ เพราะแสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีตัวตนที่ชัดเจนและดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรใหญ่ที่ต้องการหลักฐานการจดทะเบียนประกอบการทำธุรกรรม อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นหลักฐานทางการค้าในการติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ2. ด้านการเงิน
ทะเบียนพาณิชย์ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยสามารถใช้เป็นเอกสารประกอบการขอสินเชื่อธุรกิจ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการขอการสนับสนุนจากโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือโครงการส่งเสริม SMEs ต่าง ๆ ที่กำหนดให้ผู้เข้าร่วมต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์อย่างถูกต้อง3. ด้านกฎหมาย
แน่นอนว่าการดำเนินกิจการที่ผ่านการจดทะเบียนพาณิชย์ช่วยให้ธุรกิจได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเต็มที่ หากเกิดข้อพิพาททางการค้าก็สามารถดำเนินคดีทางกฎหมายในนามของกิจการได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการถูกเอาเปรียบจากคู่ค้าหรือลูกค้า และที่สำคัญคือ ช่วยหลีกเลี่ยงบทลงโทษจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายบทลงโทษหากไม่จดทะเบียนพาณิชย์
การไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์มีบทลงโทษที่ชัดเจน โดยบทลงโทษมีหลายระดับตามความรุนแรงของการกระทำผิด ดังนี้1. การไม่จดทะเบียนพาณิชย์
ผู้ประกอบการที่มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์แต่ละเลยไม่ดำเนินการ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 100 บาท จนกว่าจะจดทะเบียนพาณิชย์อย่างถูกต้อง ซึ่งการไม่จดทะเบียนถือเป็นความผิดต่อเนื่อง ยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งมีโทษปรับสะสมมากขึ้น2. การไม่ปฏิบัติตามระเบียบ
กรณีละเลยการปฏิบัติตามระเบียบทั่วไป มีโทษปรับไม่เกิน 200 บาท และปรับต่อเนื่องวันละไม่เกิน 20 บาท จนกว่าจะดำเนินการให้ถูกต้อง ซึ่งครอบคลุมความผิด คือ- ไม่แสดงใบทะเบียนพาณิชย์ไว้ที่สำนักงานในที่เปิดเผย
- ไม่จัดทำป้ายชื่อร้านหรือป้ายไม่ถูกต้องตามระเบียบ
- ไม่แจ้งขอใบแทนกรณีใบทะเบียนพาณิชย์สูญหาย
- ไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียนภายในเวลาที่กำหนด