การขอใบอนุญาต จดทะเบียนพาณิชย์ และการหาทนายคดีอาญา คดีแพ่ง ที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ

การจดทะเบียนพาณิชย์คืออะไร บอกข้อควรรู้ก่อนเริ่มทำธุรกิจ

การเริ่มต้นธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการทั้งหลายไม่ควรมองข้าม เมื่อคุณต้องการ หาทนายที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการจดทะเบียนพาณิชย์และการดำเนินคดีความ ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง สำนักงานกฎหมาย Jirawat & Associates Law Office พร้อมให้บริการอย่างครบวงจรด้วยทีมทนายความหน้าที่ต่างๆ ที่มืออาชีพที่มีประสบการณ์สูง จากบริษัทกฎหมาย หรือ Law Firm ในไทยที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายธุรกิจและการว่าความในคดีต่างๆ พร้อมดูแล จัดการ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตและการจดทะเบียนพาณิชย์ รวมถึงบริการทางกฎหมายที่ครอบคลุม เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความมั่นคงและได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเต็มที่

บริการด้านการดำเนินคดีแพ่ง

คดีแพ่ง คือ ข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชน หรือเอกชนกับรัฐในฐานะเอกชน เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายเอกชน โดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าเสียหายหรือการบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญา คดีแพ่งส่วนใหญ่ที่พบได้บ่อยในการดำเนินธุรกิจมีดังนี้

เมื่อธุรกิจของคุณเผชิญกับข้อพิพาททางแพ่ง การหาทนายว่าความที่เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและธุรกิจ โดยสามารถติดต่อสำนักงานกฎหมาย Jirawat & Associates Law Office เพื่อสอบถามและจ้างทนายคดีแพ่งราคาดี พร้อมดำเนินคดีแพ่งทุกประเภท

คดีแพ่งมีอะไรบ้าง

คดีแพ่ง คือ ข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชน หรือเอกชนกับรัฐในฐานะเอกชน เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายเอกชน โดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าเสียหายหรือการบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญา คดีแพ่งส่วนใหญ่ที่พบได้บ่อยในการดำเนินธุรกิจมีดังนี้

เมื่อธุรกิจของคุณเผชิญกับข้อพิพาททางแพ่ง การหาทนายว่าความที่เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและธุรกิจ โดยสามารถติดต่อสำนักงานกฎหมาย Jirawat & Associates Law Office เพื่อสอบถามและจ้างทนายคดีแพ่งราคาดี พร้อมดำเนินคดีแพ่งทุกประเภท

คดีผิดสัญญา

คดีผิดสัญญาเกิดขึ้นเมื่อคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญา เช่น สัญญาซื้อขาย สัญญาจ้าง สัญญาเช่า ฯลฯ

คดีเรียกร้องค่าเสียหาย

คดีที่เกิดจากการละเมิดหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือสิทธิของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายทางกายภาพหรือทางธุรกิจ

คดีซื้อขายและจำนอง

คดีที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ การไม่ชำระหนี้ตามสัญญาจำนอง การบังคับจำนอง หรือการไถ่ถอนจำนอง

คดีล้มละลาย

เกี่ยวข้องกับการฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายเมื่อลูกหนี้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ หรือการคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ในกระบวนการพิจารณาล้มละลาย

คดีมรดกและพินัยกรรม

เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทในการแบ่งมรดก การตีความพินัยกรรม การโต้แย้งความสมบูรณ์ของพินัยกรรม หรือการเรียกร้องสิทธิในทรัพย์มรดก

ขั้นตอนการฟ้องคดีแพ่ง

การฟ้องร้องคดีแพ่งมีขั้นตอนสำคัญที่ผู้เกี่ยวข้องควรทราบเอาไว้ โดยทีมทนายความของเราจะคอยดูแลและให้คำแนะนำในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมคดี จนถึงการบังคับคดี สามารถสรุปขั้นตอนโดยสังเขปได้ ดังนี้

  • การเตรียมคดี: รวบรวมพยานหลักฐาน เอกสารสำคัญ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
  • แต่งตั้งทนายความ: มองหาทนายมีเหมาะสมและเชื่อถือได้ นำข้อมูลที่เตรียมไว้เข้าปรึกษาทนายความ และแต่งตั้งทนายความ
  • การยื่นฟ้อง: ทนายความจะร่างฟ้องเพื่อเตรียมยื่นต่อศาลที่มีเขตอำนาจ
  • ขึ้นศาลนัดแรก: ศาลนัดคู่ความทุกฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน
  • นัดสืบพยาน: หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถจะตกลงกันได้ ศาลจะนัดเลื่อนคดี เพื่อนัดพร้อมหรือนัดชี้สองสถาน และกำหนดวันนัดสืบพยาน
  • ยื่นอุทธรณ์ ฎีกา: ในกรณีที่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่เป็นไปตามที่ต้องการของคู่ความ จะมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาได้ตามกฎหมาย และคู่ความฝั่งตรงข้ามก็สามารถยื่นคัดค้านอุทธรณ์ฎีกานั้นๆ ได้เช่นกัน
  • การบังคับคดี: เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว แต่คู่กรณีไม่ดำเนินการตามคำพิพากษา จะต้องดำเนินการบังคับคดีเพื่อให้ได้รับการชดใช้ตามคำพิพากษา เช่น ทำการยึดทรัพย์เพื่อชดใช้หนี้ หรือขับไล่ออกจากที่ดิน

ดังนั้นการฟ้องคดีต่างๆ จึงควรหาทนายไว้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและดำเนินการต่างๆ เพื่อความถูกต้อง เป็นระเบียบ และปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและธุรกิจไว้ให้มากที่สุด

บริการด้านการดำเนินคดีอาญา

คดีอาญา คือ คดีที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิด และกำหนดโทษไว้สำหรับความผิดนั้นๆ ตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา เช่น จำคุก ปรับ ริบทรัพย์สิน โดยคดีอาญาส่วนใหญ่ที่พบได้บ่อยในการดำเนินธุรกิจมีดังนี้

นอกจากคดีแพ่งแล้ว การหาทนายที่เชี่ยวชาญด้านคดีอาญาก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไป โดยทีมทนายความของ Jirawat & Associates Law Office มีความเชี่ยวชาญในการว่าความคดีอาญาทุกประเภท พร้อมทั้งให้คำปรึกษาและดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่พึงมีของลูกความ

คดีลักทรัพย์

คดีลักทรัพย์เป็นความผิดที่เกิดจากการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต เช่น การขโมย วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์

คดีฉ้อโกง

คดีฉ้อโกงเป็นความผิดที่เกิดจากการหลอกลวงผู้อื่นให้หลงเชื่อและส่งมอบทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด

คดีทำร้ายร่างกาย

คดีทำร้ายร่างกายเป็นความผิดที่เกิดจากการกระทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

คดีหมิ่นประมาท

คดีหมิ่นประมาท เกิดจากการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในการพูด การเขียน หรือการสื่อสารในรูปแบบอื่น

คดีเช็คเด้ง

คดีเช็คเด้งที่เกิดขึ้นเมื่อผู้สั่งจ่ายเช็คออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น เช่น มีเงินคงเหลือในบัญชีไม่เพียงพอขณะที่ออกเช็ค โดยมีความผิดทั้งตามกฎหมายอาญาและกฎหมายแพ่ง

ขั้นตอนการฟ้องคดีอาญา

การฟ้องร้องคดีอาญามีขั้นตอนสำคัญที่คล้ายคลึงกับขั้นตอนการฟ้องคดีแพ่ง แต่มีข้อแตกต่างบางจุดที่ควรทราบ จึงควรที่หาทนายเอาไว้เพื่อคอยดำเนินการและให้คำแนะนำในการสู้คดี โดยสามารถสรุปขั้นตอนโดยสังเขปได้ ดังนี้

    • การเตรียมคดี: รวบรวมพยานหลักฐาน เอกสารสำคัญ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
    • แต่งตั้งทนายความ: นำข้อมูลที่เตรียมไว้เข้าปรึกษาทนายความ และแต่งตั้งทนายความ
    • การยื่นฟ้อง: การดำเนินคดีอาญาส่วนใหญ่ สามารถทำได้ทั้งการยื่นฟ้องต่อศาลเองโดยตรง และแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง
    • ขึ้นศาลนัดแรก: เริ่มการไต่สวนมูลฟ้อง แสดงข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแก่ศาล เพื่อทำการสอบคำให้การว่าจำเลยจะปฏิเสธหรือรับสารภาพข้อกล่าวหา
    • นัดสอบคำให้การและสืบพยาน: หากศาลมีความเห็นว่าคดีของเรามีมูล ก็จะทำการออกหมายเรียกจำเลยมารับทราบข้อกล่าวหา
      • หากจำเลยให้การรับสารภาพ: ศาลจะบันทึกข้อตกลงและเลื่อนการนัดฟังคำพิพากษาเพื่อให้โอกาสจำเลยชดใช้หนี้ตามกำหนด และเมื่อชดใช้หนี้จนครบตามที่ตกลง ก็จะสามารถถอนฟ้องคดีต่อศาลได้ เป็นอันสิ้นสุด แต่หากจำเลยไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลง ทนายความจะแจ้งต่อศาลว่าจำเลยไม่กระทำตามข้อตกลง และขอให้ศาลอ่านคำพิพากษาลงโทษต่อไป
      • หากจำเลยให้การปฏิเสธ: ศาลจะนัดสืบพยานอีกครั้งหนึ่ง เมื่อศาลได้พิจารณาและสืบพยานในคดีเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจะทำคำพิพากษาและตัดสินคดี
  • การพิพากษา: หลังการสืบพยาน ศาลจะวินิจฉัยและตัดสินคดี โดยจะมีผลลัพท์สอบแบบด้วยกัน
    • หากศาลเห็นว่าจำเลยกระทำผิด จะพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด
    • หากศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอหรือจำเลยไม่มีความผิด จะพิพากษายกฟ้องจำเลย
  • ยื่นอุทธรณ์ ฎีกา: ในกรณีที่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่เป็นไปตามที่ต้องการของคู่ความ จะมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาได้ตามกฎหมาย และคู่ความฝั่งตรงข้ามก็สามารถยื่นคัดค้านอุทธรณ์ฎีกานั้นๆ ได้เช่นกัน

บริการด้านการจดทะเบียนและใบอนุญาต

เรามีบริการครบวงจรเกี่ยวกับการจดทะเบียนและการขอใบอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนพาณิชย์สำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัททุกประเภท และใบอนุญาตประกอบกิจการต่างๆ สำหรับผู้ที่มองหาทนายที่เชี่ยวชาญ เพื่อการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่มีข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลเสียได้

การจดทะเบียนพาณิชย์คืออะไร

การจดทะเบียนพาณิชย์ คือ การจดแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เพื่อแสดงตัวตนของธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยใบทะเบียนพาณิชย์เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกิจการ และเป็นหลักฐานทางการค้าที่สำคัญที่ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลต้องมีไว้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ทั้งนี้การจดทะเบียนพาณิชย์ไม่ใช่การเสียภาษี แต่เป็นเพียงการแจ้งให้รัฐทราบว่ากำลังดำเนินธุรกิจอยู่

ใครบ้างต้องจดทะเบียนพาณิชย์ประการ ตั้งแต่

อันดับแรกก่อนทำการจดทะเบียนการค้า ผู้ที่ต้องการจดทะเบียนจะต้องตรวจสอบว่าธุรกิจดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ของผู้ที่มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้แบ่งออกไว้เป็น 5 ประเภท ดังนี้

  • บุคคลธรรมดาคนเดียวหรือกิจการที่มีเจ้าของคนเดียว
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญ
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
  • บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด
  • นิติบุคคลต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาภายในประเทศไทย

 

ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการเป็นคนต่างด้าวหรือเป็นสำนักงานสาขาต่างประเทศที่ถูกตั้งขึ้นมา ต้องตรวจสอบว่ากิจการค้าที่ดำเนินการได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือไม่ โดยจำเป็นต้องได้รับอนุญาตก่อน จึงจะสามารถยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ได้ ส่วนกิจการที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ได้แก่

  • การค้าเร่หรือการค้าแผงลอย
  • พาณิชยกิจเพื่อการบำรุงศาสนาหรือเพื่อการกุศล
  • พาณิชยกิจของกระทรวง ทบวง กรม
  • มูลนิธิ สมาคม หรือสหกรณ์
  • พาณิชยกิจของกลุ่มเกษตรกร (จดทะเบียนตาม ปว.141 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2515)
  • พาณิชยกิจของนิติบุคคล ซึ่งได้มีพระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น

หากต้องการตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้ประกอบกิจการหรือกิจการแบบใดที่ต้องยื่นจดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ต้องจดทะเบียนบ้าง ผู้ที่สนใจควรมองหาทนายที่มีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือ เพื่อการตรวจสอบและดำเนินการที่ถูกต้อง แม่นยำ และประหยัดเวลามากขึ้น

ข้อดีของการจดทะเบียนพาณิชย์

ข้อดีของการจดทะเบียนพาณิชย์ ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมอบประโยชน์มากมายให้กับผู้ประกอบการ พร้อมทั้งยังช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ทั้งในแง่ของความน่าเชื่อถือ โอกาสทางธุรกิจ และการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งสามารถแบ่งประโยชน์หลัก ๆ ออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้

1. ด้านธุรกิจ

การมีใบทะเบียนพาณิชย์ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจในสายตาของลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ เพราะแสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีตัวตนที่ชัดเจนและดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรใหญ่ที่ต้องการหลักฐานการจดทะเบียนประกอบการทำธุรกรรม อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นหลักฐานทางการค้าในการติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

2. ด้านการเงิน

ทะเบียนพาณิชย์ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยสามารถใช้เป็นเอกสารประกอบการขอสินเชื่อธุรกิจ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการขอการสนับสนุนจากโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือโครงการส่งเสริม SMEs ต่าง ๆ ที่กำหนดให้ผู้เข้าร่วมต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์อย่างถูกต้อง

3. ด้านกฎหมาย

แน่นอนว่าการดำเนินกิจการที่ผ่านการจดทะเบียนพาณิชย์ช่วยให้ธุรกิจได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเต็มที่ หากเกิดข้อพิพาททางการค้าก็สามารถดำเนินคดีทางกฎหมายในนามของกิจการได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการถูกเอาเปรียบจากคู่ค้าหรือลูกค้า และที่สำคัญคือ ช่วยหลีกเลี่ยงบทลงโทษจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้การหาทนายมาช่วยดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

บทลงโทษหากไม่จดทะเบียนพาณิชย์

หากไม่ดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้อง อาจมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 100 บาท จนกว่าจะดำเนินการให้ถูกต้อง ดังนั้น การหาทนายที่เชี่ยวชาญในการดำเนินการต่างๆ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างครบถ้วน และไม่มีปัญหาและความเสี่ยงต่างๆ ตามมาในภายหลัง

ทำไมต้องมองหาทนายที่เชี่ยวชาญทั้งด้านธุรกิจและคดีความ

เมื่อเริ่มต้นหรือดำเนินธุรกิจใดๆ ก็ตาม คุณอาจจะต้องการความช่วยเหลือทางกฎหมายในหลายๆ ด้าน ทั้งในด้านการขอใบอนุญาตและการจดทะเบียนพาณิชย์ รวมถึงการจัดการกับข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่ง หรือคดีอาญาต่างๆ การหาทนายที่มีความเชี่ยวชาญทั้งสองด้าน จะช่วยให้ธุรกิจของคุณได้รับการดูแลอย่างครบวงจร ทำให้เกิดความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาทางกฎหมายให้มากขึ้น โดยประโยชน์ของการจ้างทนายสำหรับการจดทะเบียนธุรกิจและคดีความต่างๆ ก็มีอยู่หลายประการ ตั้งแต่

ความเชี่ยวชาญทางกฎหมาย

การหาทนายความที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในกฎหมายธุรกิจ รวมถึงข้อกำหนดต่างๆ จะช่วยให้การจดทะเบียนเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว รวมทั้งสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณได้

ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยาก

การจดทะเบียนธุรกิจมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้องติดต่อกับหน่วยงานราชการหลายแห่ง การจ้างทนาย หรือหาทนายที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ จะช่วยจัดการกับเอกสารและขั้นตอนทางกฎหมายต่างๆ แทนคุณได้ และทำให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวล

ลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด

ข้อผิดพลาดในการจดทะเบียนอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายในอนาคต การหาทนายความที่เชี่ยวชาญ จะสามารถช่วยตรวจสอบเอกสารและขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าการจดทะเบียนของเราจะเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วนตามที่กฎหมายระบุ

การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ

นอกจากการจดทะเบียนแล้ว การหาทนายความยังสามารถช่วยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายภาษี และกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้ผู้ประกอบสามารถเตรียมความพร้อมและดำเนินธุรกิจต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความเสี่ยงของกฎหมาย

การขอใบอนุญาต จดทะเบียนพาณิชย์ และการหาทนายคดีอาญา คดีแพ่ง ที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ

การหาทนายความที่เชี่ยวชาญจะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนพาณิชย์ การขอใบอนุญาต หรือการว่าความในคดีต่างๆ เช่น คดีฉ้อโกง คดีหมิ่นประมาท หรือ คดีเช็คเด้ง

สำหรับผู้ที่ต้องการจ้างทนายที่มีความเชี่ยวชาญ หรือสงสัยว่าค่าทนายจ่ายตอนไหน มีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง สามารถติดต่อสำนักงานกฎหมาย Jirawat & Associates Law Office ได้ที่เบอร์ 093-251-4500 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.jirawatlawoffice.co.th

To Top